กล่าวกันว่า “ ชีวิตคือการต่อสู้.” แน่นอนครับว่า คนเราเมื่อเกิดมา ทุกๆคนก็เริ่มมีความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการบริโภคทางกายหรือทางใจ เมื่อมีความต้องการ ก็ต้องมีการเสาะแสวงหา ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการและนั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า “ ชีวิตคือการต่อสู้.”
แล้วจะสู้ยังไงให้ ได้มาในสิ่งที่ต้องการล่ะครับ! ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า “ สู้.” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการที่เรต้องไปตี รัน ฟัน แทงกับใคร แต่หมายถึง การวางแผนชีวิต เพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้า ในอนาคตอย่างมีแนวทางที่ถูกต้องชัดเจน และให้มั่นคงในแนวทางที่กำหนดไว้ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เราปรารถนา เพราะฉะนั้น “ การวางแผนชีวิต.” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญประการหนึ่งที่เดียว
การวางแผนชีวิต ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลย คือ วางแผนสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับชีวิตและครอบครัวคุณเอง คุณจะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ตัวคุณและคนที่คุณรักได้อย่างไร บอกได้เลยครับ! ว่าต้องเริ่มจาก “ การออม.”
ทำไม? ถึงต้อง “ ออม.”
มีข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียว เขาบอกไว้อย่างนี้ครับว่า ในคนหนุ่มสาวทุก 100 คน จะพบตัวเองเมื่อย่างก้าวสู่วัยเกษียณอายุว่า 1 คน มีฐานะร่ำรวย, 4 คน มีอิสระทางการเงิน, 5 คน ยังต้องทำงานหนัก, 54 คน ต้องพึ่งพาลูกหลาน และ 36 คน จากไปก่อนวัยอันควร
หากถามคุณ ๆ ว่าอยากเป็นแบบไหนใน 100 คนนี้ ผมเชื่อว่าคำตอบที่ได้รับคงออกมาคล้าย ๆ กันใช่ไหมครับ? เพราะคงไม่มีใครอยากลำบากตอนแก่ และเท่าที่ถามคนแถว ๆ นี้ดู หลายคนเห็นตรงกันว่า แก่ตัวไป ไม่จำเป็นต้องมีฐานะร่ำรวยก็ได้ แต่อย่างน้อยขอเป็น 1 ใน 4 คนที่มีอิสระทางการเงิน ไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร เลี้ยงตัวเองได้ก็พอ
หากคุณอยากเป็น 1 ใน 4 หรือ 5 คน จาก 100 คน ที่มีความเป็นอยู่ที่ดีในวัยเกษียณนั้น เป้าหมายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่!.. เพราะวันนี้ผมมาชวนคุณสร้าง ? กระปุกออมสิน? เพื่อวัยเกษียณกัน เริ่มจากคุณจะต้องรู้คร่าว ๆ ก่อนว่า คุณจะต้องเก็บเงินไว้ก้อนโตเท่าไรสำหรับวัยเกษียณ อย่าลืมว่า ด้วยวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ที่เจริญก้าวหน้า ทำให้อายุเฉลี่ยของคนไทยปัจจุบันยืนยาวขึ้น โดยชายไทยมีอายุเฉลี่ยถึง 74 ปี สำหรับคุณผู้หญิง อายุจะยาวกว่านิดหนึ่ง คือ อยู่ที่ ~ 79 ปี ปัญหาที่ตามมาคือ เราจะเตรียมเงินไว้ให้พอเพียงกับจำนวนปีที่เราจะต้องมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ กันอย่างไรดี
ตามทฤษฎีเค้าว่ากันว่า หากเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ จะต้องมีเงินไว้ใช้ไม่น้อยกว่า 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่เราได้รับขณะที่เรายังทำงานอยู่ อย่างเช่นสมมติว่าผู้หญิงคนหนึ่ง ตั้งใจจะเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี? โดยมีเงินเดือนเดือนสุดท้ายเท่ากับ 50,000? บาท นั่นแปลว่าหลังเกษียณ เธอต้องมีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในแต่ละเดือนประมาณ 25,000 บาท เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ด้อยไปกว่าสมัยที่เธอยังทำงานอยู่ หากใช้ค่าอายุเฉลี่ยของเพศหญิง คือ 79 ปี มาคำนวณหาก้อนเงินที่เธอต้องมี เท่ากับเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกประมาณ 19 ปี? เมื่อลองคำนวณตามหลักมูลค่าเงินปัจจุบัน (present value) โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 4% (อันนี้เป็นตัวเลขคร่าว ๆ นะครับ) พบว่า ณ วันที่ผู้หญิงคนนี้เกษียณ เธอจะต้องมีเงินถึง 4 ล้านบาทโดยประมาณครับ
เป็นยังไงครับ คุณได้ลองใช้วิธีเดียวกันนี้ คำนวณก้อนเงินใน ?กระปุกออมสิน? ที่คุณต้องมีแล้วหรือยัง? อยากบอกเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งว่า คุณ ๆ แต่ละคนอาจมีความจำเป็น และความต้องการในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจอยากใช้ชีวิตวัยเกษียณไปกับการท่องเที่ยว บางคนอาจมีโรคประจำตัว สุขภาพไม่แข็งแรง ต้องเผื่อเงินไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาลมากหน่อย หรือบางคนอยากมีงานอดิเรกหรือมีกิจกรรมที่ต้องมีค่าใช้จ่ายแตกต่างนอกเหนือ ไปจากสูตร 50% ที่ยกมา ก็ลองปรับตัวเลขกันได้นะคะ สำหรับคุณ ๆ ที่คำนวณออกมาแล้ว ทราบว่าตัวเองจะต้องมีเงินเท่าไร อยากจะถามต่อไปว่า แล้วปัจจุบันคุณมีเงินเก็บตามนั้นหรือยังครับ???????
หากสำรวจดูแล้ว พบว่า ?กระปุกออมสิน? ของคุณยังขาดเงินอยู่อีกมาก ก็ขอแนะนำให้คุณเริ่มทบทวนการเก็บเงินของคุณตั้งแต่วันนี้ โดยมี 5 วิธีที่จะช่วยให้การเก็บเงินเพื่อวัยเกษียณของคุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ได้แก่?
ลดรายจ่ายลง
เพิ่มรายได้
เก็บออมเงินให้มากขึ้น
เกษียณให้ช้าลง ทำงานให้นานขึ้น
หาวิธีออมเงินแบบที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
ถึงตอนนี้คุณบางคนอาจขอค้านว่า วิธีอื่น ๆ ไม่ติดใจสงสัยเท่าไร แต่วิธีเก็บออมเงินเพิ่มนี่สิ ลำพังรายได้ปัจจุบันยังใช้ไม่พอเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนเหลือมาหยอดกระปุกกันล่ะ? ขอให้คุณมองกลับด้านอย่างนี้ว่า
ให้ตั้งเป้าไว้ก่อนว่าคุณจะต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไร
กันเงินส่วนนั้นแยกออกมาเก็บไว้ โดยเงินส่วนที่เหลือจากเก็บถึงค่อยเป็นเงินที่คุณนำไปใช้จ่าย
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า
“ เงินออม.” เป็นค่าใช้จ่ายชนิดหนึ่งเหมือนค่าขนมหรือค่าอาหารที่คุณต้อง จ่ายทุกวัน เพราะฉะนั้นก่อนที่ลูกคุณจะออกจากบ้านตอนเช้า ให้หยอดกระปุกก่อน แล้วจึงนำเงินที่เหลือไปใช้ เหมือนกัน หากคุณโตหรือทำงานแล้ว คิดไว้เหมือนกันว่า
“ เงินออมคือค่าใช้จ่ายเช่น เดียวกับค่ารถเมล์ ค่าโทรศัพท์มือถือ หรือภาษีที่คุณมีภาระต้องจ่ายทุกเดือน สิ่งที่แตกต่างกันคือ เมื่อได้เงินเดือน บิลใบนี้เป็นรายการแรกที่ต้องจ่าย โดยอาจกำหนดว่า อย่างน้อยต้องจ่ายเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้และทำจนกลายเป็นอัตโนมัติ เหมือนที่คุณต้องโดนหักภาษีทุกเดือนโดยต่อรองไม่ได้ แล้วเงินส่วนที่เหลือจึงนำไปวางแผนสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ.”
เท่านี้คุณก็จะเป็นผู้ที่มีเงินออม โดยที่ไม่เกี่ยวว่าคุณจะต้องมีรายได้มากๆ ก่อนจึงจะมีเงินเหลือสำหรับเงินออม และแน่นอนว่าเป็นหนทางแรกสู่ความร่ำรวย
ที่สำคัญ อย่าโง่ บอกว่าเก็บไปเดี๋ยวก็ต้องใช้อยู่ดี หรือตายไปก็เอาเงินไปไม่ได้ เพราะการใช้เงินขณะที่มีเงินออมกับไม่มีเงินออมต่างกันเยอะ ที่สำคัญเงินออมจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเงินให้กับตัวคุณสำหรับการนำไปใช้ จ่ายในชีวิตได้โดยที่คุณไม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก หรือทำให้คุณซื้อของได้ถูกขึ้น คำสอนที่ว่า มาแต่ตัวก็ไปแต่ตัว หมายถึงให้รู้จักพอ แต่ไม่ใช่มีเท่าไรให้ใช้ให้หมด ( บางส่วนจากหนังสือ Why do we work so hard 'to get rich?' )
ส่วนคุณที่กำลังสงสัยว่าวิธีออมเงินแบบ ได้ผลตอบแทนสูงขึ้นคืออะไร? จริง ๆ แล้วสำหรับทางเลือกต่าง ๆ ในการลงทุน ก็มีตั้งแต่การฝากเงินกับธนาคาร การซื้อทองคำ หรือเครื่องประดับมีค่าจำพวกเพชร พลอย การซื้ออสังหาริมทรัพย์ อย่างบ้าน ที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งการออมในหลายๆอย่างก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจเป็นอย่างมากและมีความเสี่ยงสูงในหลายๆด้านเช่นกัน
เพราะฉะนั้น! วันนี้ผมขอรับอาสาวางแผนชีวิตให้กับคุณและขอแนะนำโครงการออมที่มีไว้เพื่อประกันอนาคตให้กับคุณและคนที่คุณรักที่เหมาะกับคุณที่สุด
ต้องการวางแผนชีวิต วันนี้ ติดต่อ: The Best of Life Planner
คุณ ชูศักดิ์ พุทธสาร
Tel: 0817816950
Email : lifeplan.4you@gmail.com ด่วน!

Company Logos