วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ตรวจเลือด หามะเร็งได้จริงหรือ?


ตรวจเลือด หามะเร็งได้จริงหรือ?

ผศ.พญ.ศันสนีย์ เสนะวงษ์

ภาควิชาวิทยาภูมิคุ้มกัน

ในทุกวันนี้ เรามักจะได้ยินกันว่าการตรวจสุขภาพประจำปีของโปรแกรมต่างๆ จะมีการตรวจเลือดหามะเร็งกันเป็นประจำ และนอกจากนี้ บางครั้ง เวลาที่มีความผิดปกติ เช่น เลือดออก หรือมีก้อน และสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถามแพทย์ที่ดูแลว่าตรวจเลือดดูว่าเป็นมะเร็งได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่น่าจะสะดวก หรือ เจ็บตัวน้อยที่สุด ... ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถตรวจเลือดหามะเร็งได้หรือไม่?

ตรวจเลือดหามะเร็ง เขาตรวจหาอะไรกัน

การตรวจเลือดชนิดต่างๆ เพื่อหามะเร็ง เช่น ตรวจ CEA, PSA, CA 15-3, Alpha-fetoprotein (AFP) ฯลฯ ที่เราได้ยินจากโปรแกรมการตรวจเลือดต่างๆนั้น เป็นการตรวจหา Tumor marker (สารบ่งชี้มะเร็ง)

Tumor markers (สารบ่งชี้มะเร็ง) คืออะไร

ในภาวะที่เซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ เกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็ง กลไกควบคุมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์จะเสียไป ทำให้เซลล์นั้นๆแบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ และเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมภายในเซลล์ เป็นผลให้มีการสร้างสารแอนติเจน หรือสาร macromolecule อื่นๆ เช่น ฮอร์โมน หรือ เอ็นซัมย์ ที่ไม่เหมือนเซลล์ปกติ แอนติเจนเหล่านี้นอกจากจะพบอยู่ภายในเซลล์และบนผิวของเซลล์แล้ว เซลล์มะเร็งยังสามารถปลดปล่อยสารดังกล่าวออกสู่กระแสเลือด หรือสารคัดหลั่ง (biological fluid)อื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งสารต่างๆ ที่เกิดจากเซลล์มะเร็งเหล่านี้ รวมเรียกว่าเป็น tumor marker หรือ สารบ่งชี้มะเร็ง สารเหล่านี้สามารถตรวจหาได้จากเลือด หรือ สารคัดหลั่ง เช่น น้ำในช่องท้อง (ascetic fluid) น้ำในช่องปอด (pleural fluid) ของผู้ป่วยรายนั้นๆ ด้วยการใช้วิธีการทางห้องปฏิบัติการที่มีความไวสูงพอ

โดยทั่วไป แอนติเจนหรือสารที่สร้างโดยเซลล์มะเร็งนี้ อาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1. Tumor-specific antigen (TSA): แอนติเจนเฉพาะกับมะเร็ง พบเฉพาะในเซลล์มะเร็งเท่านั้น ไม่พบในเซลล์ปกติ แต่มักเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการตอบสนองและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ตรวจหาทางห้องปฏิบัติการได้ยากมาก

2. Tumor-associated antigen (TAA): แอนติเจนที่เกี่ยวกับมะเร็ง อาจพบได้ทั้งในเซลล์มะเร็ง และเซลล์ปกติในบางระยะของพัฒนาการ ซึ่งในคนทั่วไป ก็อาจพบได้ เนื่องจากสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor marker) ที่มีการตรวจในทางคลินิกในปัจจุบัน เป็นสารในกลุ่มtumor-associated antigen ทั้งสิ้น ดังนั้นประเด็นสำคัญที่ต้องทราบ คือ Tumor marker ไม่มีความจำเพาะต่อมะเร็ง
ประกันการรักษาโรคร้าย เพื่อสร้างหลักประกันชีวิตในอนาคต ที่นี่


สถิติหญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกปีละ 7 พัน สธ.สั่งเร่งตรวจอาการ

26 .. 2549 - นายพินิจ จารุสมบัติ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดการประชุมเพื่อมอบนโยบายในการคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และผู้เกี่ยวข้องจาก 75 จังหวัด รวมแล้วกว่า 300 คน เข้าร่วมประชุม พร้อมระบุว่าหลักสำคัญในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข “เมืองไทยแข็งแรง” คือ การวิจัยและการพัฒนาเพื่อนำองค์ความรู้มาป้องกันการเจ็บป่วยจากการศึกษา สถิติพบว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย ดังนั้น การป้องกันและการค้นหาผู้ป่วยมะเร็งตั้งแต่เริ่มต้นจึงเป็นหัวหอกสำคัญในการ ลดอัตราการตายได้ ถ้าหากผู้ป่วยเป็นมะเร็งขั้น 3 ขึ้นไป จะเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาคนละ 1 ล้านบาท ซึ่ง สสจ.จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานตามนโยบาย รวมถึงการป้องกันไข้หวัดนก และไข้เลือดออกด้วย
นาย พินิจ กล่าวว่า โครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มแรก ถือเป็นโครงการป้องกันหญิงไทยจากมะเร็งปากมดลูก โดยตั้งเป้าว่าจะลดปริมาณผู้เป็นมะเร็งปากมดลูกลงปีละ
7,000 ราย

ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองโดยป้ายเยื่อมูกที่ปากมดลูกตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์ เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 35-60ปี ใช้เวลา 15 วันก็จะรู้ผลตรวจ หากพบความผิดปกติจะทำการผ่าตัดรักษาให้ฟรีด้วย

การตรวจพบมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นมีโอกาสหายสูงถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงมีเป้าหมายการดำเนินการในปี2549 คือ ดำเนินการตรวจหญิงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ 800,000 ราย ด้วยการจัดผู้เชี่ยวชาญลงไปตรวจถึงระดับสถานีอนามัย โรงพยาบาลอำเภอ

ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา มีสตรีได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แล้ว405,756 ราย พบเซลล์ผิดปกติ 3,169 ราย

สร้างหลักประกันการรักษา..คลิ๊ก! ที่นี่

ข้อมูลอ้างอิงจาก :http://www.sko.moph.go.th/content.asp?contentid=5974




Company Logos - Top Logo Design Company Review
Company Logos

ไม่มีความคิดเห็น: